วันก่อนมีคนส่งคำถามมาหาผมว่า “พี่คิดอย่างไรกับคำว่า ไม่มีใครรวยจากการเป็นลูกจ้าง ? ”
.
สำหรับผมมองว่า มันก็ถูกนะ แต่ถูกแค่ครึ่งเดียว คือ มันมองได้ทั้ง 2 มุม จะมองว่า “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” ก็ได้
.
แต่ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจ คำว่า “รวย” กันก่อน
.
ว่าต้องมีเท่าไหร่ มันถึงจะเรียกว่า “รวย”
.
คือ ถ้าเอาตามความรู้สึก หลายคนอาจจะบอกว่า “รวยแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคน แค่ไม่มีหนี้ ก็ถือว่ารวยแล้ว” ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่ความพอใจของแต่ละคนนะครับ เพราะมันไม่ผิดว่าคุณจะมองตัวเองอย่างไร
.
แต่ถ้าเอาตามตำราจริงๆ
.
# คำว่า รวย คือ ต้องมีรายได้ 3,000,000 บาท/ปี หรือ 250,000 บาท/เดือน ขึ้นไป
.
# คำว่า เศรษฐี คือ ต้องมีทรัพย์สินสุทธิ (หักลบหนี้สินแล้ว) 30 ล้านบาทขึ้นไป
.
# คำว่า อิสรภาพทางการเงิน คือ การที่คุณรายได้โดยไม่ต้องทำงานเป็น Passive Income ครอบคลุมรายจ่ายต่อเดือนทั้งหมด เช่น คุณมีบ้านเช่า แล้วปล่อยเช่าได้เดือนละ 50,000 บาท แต่คุณใช้เดือนละ 30,000 บาท หมายความว่า คุณไม่ต้องทำงาน คุณก็มีเงินใช้ไม่ขาดมือ แบบนี้เรียกว่า อิสรภาพทางการเงิน ซึ่งคุณอาจจะไม่ต้อง รวย หรือ ไม่ต้องเป็นเศรษฐีก็ได้
.
คำถาม คือ มันเป็นไปได้ไหม ที่ลูกจ้าง จะมีรายได้ 3 ล้านบาท/ปี ขึ้นไป
.
คำตอบ คือ เป็นไปได้ แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไข 2 ข้อนี้
.
1) เป็นลูกจ้าง ที่รับค่าตอบแทน ตาม “ผลงาน” ไม่ใช่ ตาม ”เวลา”
.
เช่น เป็น เซลล์ ซึ่งจะรับค่าตอบแทนเป็นค่า commission จากยอดขายที่ทำได้
.
สมมติคุณเป็นเซลล์ขายบ้าน ขายรถ ขายบัตรเครดิต ฯลฯ ถ้าคุณขยัน คุณขายได้มาก คุณก็ได้ค่า Commission สูง ซึ่งต่างจากคนที่ทำงานประจำทั่วไป ที่ไม่ว่าคุณจะทำน้อย ทำมาก คุณก็ได้เท่าเดิม ตราบใดที่คุณตอกบัตรตรงเวลา
.
อย่างตอนผมทำงานประจำ คนที่ขายเก่งๆ หลายคน ได้ค่า Commission เดือนนี้ 300,000 – 400,000 บาท เลยนะครับ
.
ซึ่งพี่ๆ พวกนี้ ทำงานแป๊ปๆ เดี๋ยวปิดหนี้บ้าน ปิดหนี้รถกันแล้ว
.
2) เป็นลูกจ้างมืออาชีพ หรือ มีตำแหน่งสูง
.
เช่น หมอ วิศวกร หรือ Ceo รับจ้างในบริษัทใหญ่ๆ ซึ่งคนเหล่านี้จะเงินเดือนสูงมาก
.
แต่การที่คุณจะเป็นแบบนี้ได้ มันค่อยข้างยาก เพราะคุณต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
.
1. ต้องเก่ง การศึกษาสูง หรือ เรียนจบนอก
2. ต้องไต่เต้า เลื่อนตำแหน่ง ตามลำดับขั้น
3. อาจจะต้องมีเส้นสาย บางคนเป็นเพื่อน เป็นญาติ เป็นพ่อแม่ พี่น้อง ก็สามารถตัดหน้าขึ้นเป็นผู้บริหารได้เลยก็มี
.
จะเห็นว่า การที่คนธรรมดาอย่างเราๆ ที่เรียนไม่ได้เก่ง ไม่ได้จบนอก ไม่ได้มีเส้นสาย มันยากมากที่จะไปถึงตรงนั้น
.
ที่สำคัญ ในองค์กรหนึ่ง จะมีตำแหน่งผู้บริหารไม่กี่คนหรอก อาจจะ 1-2 คน แต่คนที่ทำงานในบริษัทนั้นมีเป็นร้อย
.
การที่เราจะเป็น 1 ใน 100 มันยากมาก เผลอๆ ทำผลงานดีแค่ไหน ก็แพ้เส้นสายอยู่ดี
.
มันก็เลยทำให้การจะ รวย ในฐานะ ลูกจ้าง มันค่อนข้างยากมาก เพราะมันแข่งขันกันสูง และ ความแฟร์ มันมีน้อย
.
# แต่ถ้าคุณทำธุรกิจ คุณจะทลายกฎข้อนี้ไปเลย
.
1) คุณไม่ต้องจบนอก เพราะไม่มีใครมาขอดูวุฒิการศึกษาของคุณ แต่คุณจำเป็นต้องเก่งในด้าน ซึ่งมันฝึกฝนกันได้ เรียนในยูทูป อ่านหนังสือ ฝึกจากคนเก่งๆ ได้เลย อย่าง คุณพิมรี่พาย บังฮาซัน กะฟาร์ ก็ไม่ได้เรียนสูง บางคนเรียนไม่จบด้วยซ้ำ แต่เขาฝึกฝนทักษะการขายให้เก่ง เขาก็รวยได้
.
2) ไม่ต้องรอลำดับขั้น ถ้าคุณขยัน คุณพยายาม ก็สามารถก้าวกระโดดได้ทันที
.
3) ไม่ต้องมีเส้นสาย เพราะมันไม่ได้ทำให้ลูกค้าอยากซื้อของจากคุณ
.
ดังนั้น การทำธุรกิจจึงเป็นหนทางสู่ “ความร่ำรวย” ที่ง่ายกว่า การเป็นลูกจ้าง นั่นเอง
.
สรุป คือ คำว่า ไม่มีใครรวยจากการเป็นลูกจ้าง มันไม่จริงเสมอไป แต่มันอาจจะเป็นหนทางที่ยากหน่อย
.
แต่ถ้าพูดว่า แต่ไม่มีใครรวยจากการตอกบัตรไปนั่งทำงานออฟฟิศ 8 ชั่วโมง อันนี้อาจจะใช่
.
ซึ่งตัวผม รู้ตัวเองดี ว่าไม่สามารถรวยในสายงานลูกจ้างได้ เพราะผมไม่ได้จบสูง ไม่ได้มีเส้นสาย แล้วก็คงไม่เลือกให้คนอื่นมากำหนดชะตาชีวิตของผม ว่าคุณจะได้เลื่อนตำแหน่งไหม
.
ผมจึงขอเลือกเส้นทางธุรกิจ เพราะคิดว่า มันรวยง่ายกว่า สำหรับผม และ ผมก็คิดถูกจริงๆ
.
อย่างคำกล่าวหนึ่ง ที่ลูกเพจคนหนึ่งซึ่งเป็นทหาร เขาบอกกับผมว่า ผมอยากวิ่งตามความฝัน ไม่ได้อยากวิ่งตามนาย
.
ดังนั้น ถ้าคุณไม่ได้มีต้นทุน ไม่ได้เรียนจบสูง แต่อยากรวย อยากทำธุรกิจ แอดไลน์มาได้ที่ @samounglai (ใส่ @ ด้วย)
.
หรือ กดลิงก์ที่ใต้คอมเมนต์นี้ แล้วทุกครั้งที่มี Live สอนการขาย สอนการทำธุรกิจ ฟรีๆ ผมจะแจ้งเตือนไปยังมือถือของคุณทันทีครับ
.
.
เขียนโดย #สมองไหล