คุณคิดว่า คนที่เขามี Passive income หลักแสน หลักล้าน ต่อเดือนได้ เขาต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้างครับ ?
.
แน่นอนครับ สิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของใครหลายคนเลย คือ คนๆ นั้นจะต้องมี เงินทุนมหาศาล
.
เพราะคำว่า Passive income มันคือ รายได้ที่มาจากทรัพย์สิน โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องทำงาน ไม่ต้องเอา แรง และ เวลา ไปแลกเงิน เหมือนกับ Active income
.
ยกตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณมีคอนโดอยู่ห้องหนึ่ง แล้วนำมันไปปล่อยเช่า โดยคุณจะมีรายได้จากค่าเช่าทุกเดือนแม้ว่าคุณจะไม่ได้ทำงานเลย
.
แต่ Passive income แบบนี้ มันติดตรงที่ว่า คุณจำเป็นต้องมีเงินก้อนใหญ่ไปซื้อทรัพย์สินมาก่อน หรือ ไม่ก็ต้องมีเครดิตดีๆ ไปขอกู้ธนาคาร
.
แต่มีความลับหนึ่งที่ผมอยากจะบอกคุณครับ
.
นั่นก็คือ มัน “ไม่จำเป็น” ครับ
.
เพราะความจริงแล้วคุณไม่จำเป็นต้องมีเงินทุนก้อนใหญ่ ก็สามารถสร้าง Passive income ได้เหมือนกัน เพราะผมเองก็เป็นคนที่ไม่ได้รวยมาก่อน และ ก็ไม่มีเงินทุนมาก่อนเหมือนกัน แต่ก็สามารถสร้าง Passive income ได้
.
แล้วถ้าคุณอยากรู้ว่า ทำยังไง โปรดอ่านบทความนี้ให้จบครับ
.
อย่างที่ผมเล่าให้ฟังไปในตอนต้น ว่าการจะมี Passive income ได้ คุณจะต้องมีทรัพย์สินที่ทำเงินให้คุณได้ก่อน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วทรัพย์สินเหล่านี้ คุณจะต้องใช้เงินไปลงทุนซื้อมันมา
.
แต่ความจริงแล้ว มันยังมีทรัพย์สินอีก 2 ประเภท ครับ ที่คุณไม่ต้องมีเงินก้อนไปลงทุนก็สามารถสร้างมันขึ้นมาได้
.
# ทรัพย์สินประเภท ที่ 1 คือ อสังหาฯ ออนไลน์ ซึ่งผมขอเรียกมันใหม่ว่า “โซเชียลริมทรัพย์” นะครับ
.
โซเชียลริมทรัพย์ คุณไม่จำเป็นต้องใช้เงินเลยครับ คุณแค่ต้องใช้สิ่งที่ “ฟรี” แต่ทรงพลังมากๆ นั่นก็คือ “ไอเดีย”
.
ยกตัวอย่าง
.
เพื่อนผมคนหนึ่ง เขาสร้างกลุ่มบนเฟซบุ๊กขึ้นมา แล้วพัฒนากลุ่มนั้น ให้เป็นเหมือนตลาดนัดออนไลน์ โดยจัดสัดส่วนของสมาชิกในกลุ่ม ให้สมดุลกัน โดยมีจำนวนแม่ค้า 20% ลูกค้า 80%
.
ซึ่งตอนที่เขาสร้างกลุ่มใหม่ๆ เขาก็เปิดให้แม่ค้าเข้ามาขายฟรีๆ ก่อน
.
แต่หลังจากนั้น เมื่อกลุ่มของเขามีสมาชิกมากขึ้น กลุ่มเริ่มใหญ่ขึ้น จึงทำให้ศักยภาพในการ ซื้อ-ขาย ก็มากขึ้นตามไปด้วย ทำให้กลุ่มนี้กลายเป็นกลุ่มที่มีเงินสะพัดมหาศาล
.
คราวนี้เขาก็เริ่มเก็บค่าแผงจากผู้ขายครับ คือ ถ้าใครอยากจะโพสต์ขาย หรือ Live ในกลุ่มของเขา จะต้องมีรหัสผู้ขาย โดยคนที่จะมีรหัสนี้ได้ จะต้องจ่ายค่าสมาชิกก่อน หรือ พูดง่ายๆ ก็คือ ค่าแผงตลาด นั่นแหละ
.
โดยกำหนดเรทราคาเอาไว้ 2 แบบ คือ
.
– ถ้าจ่ายเป็นรายเดือน ก็เดือนละ 100 บาท
– ถ้าจ่ายเป็นรายปี ก็จะได้ราคาพิเศษ ลดเหลือเพียง ปีละ 1,000 บาท
.
เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถสร้าง Passive income ได้แล้ว ซึ่งมันก็ไม่ต่างกับการที่คุณเป็นเจ้าของแผงตลาดใหญ่ๆ ในโลกความเป็นจริงเลย แต่มันต่างกันตรงที่ คุณไม่ต้องใช้เงินเป็นล้านไปซื้อที่ดิน ไม่จำเป็นต้องลงทุนจ้างผู้รับเหมามาก่อสร้างตลาด
.
เพียงแค่จ้างแอดมินสักคน ราคาไม่เกิน 12,000 บาท มาคอยเก็บค่าสมาชิก คอยดูแลเรื่องกฎระเบียบของกลุ่ม และ ดูแลสัดส่วนของคนในตลาดไม่ให้มีผู้ขายมากกว่าผู้ซื้อก็เท่านั้นเอง
.
ซึ่งปัจจุบัน เพื่อนผมคนนี้มี Passive income จากกลุ่มเฟซบุ๊กนี้อย่างเดียวประมาณ 80,000 บาท/เดือน เลย
.
หรือ ลูกศิษย์ของผมในคลาส Content Make Money ซึ่งเป็นเจ้าของเพจ ตื่นสายมาเทรดหุ้นคริปโต เขาก็สร้างกลุ่มเฟซบุ๊กเกี่ยวกับคริปโตฯ ขึ้นมา แล้วพัฒนามันจนปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่า 100,000 คน
.
ซึ่งเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาก็เพิ่งมาปรึกษาผม บอกว่า มีคนมาขอซื้อกลุ่มนี้ ในราคา 1,000,000 บาท ซึ่งเขาก็ลังเลว่าจะขายดีไหม ก็เลยเข้ามาปรึกษาผม
.
ผมจึงขอเข้าไปดูในกลุ่มนั้น และทันทีที่เห็นทั้งศักยภาพของกลุ่ม รวมถึงศักยภาพของลูกศิษย์คนนี้
.
ผมตอบกลับไปทันทีอย่างมั่นใจเลยว่าเลย อย่าขายเด็ดขาด เพราะคุณสามารถทำเงินได้หลายล้านจากกลุ่มนี้แน่นอน อย่างน้อยก็ 10,000,000 บาท แน่ๆ ผมรับประกัน
.
เห็นไหมครับว่า โซเชียลริมทรัพย์ มันไม่ต่างอะไรกับการที่คุณ มีที่ดิน หรือ อสังหาริมทรัพย์ บนโลกความเป็นจริงเลย
.
สมัยก่อน ที่ดินในโลกความเป็นจริง ราคาถูก ไม่มีใครเห็นค่า คุณยายของผมเคยเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนถ้าอยากได้ที่ดินตรงไหน ก็สามารถเอาไม้ไปปักจับจองได้เลย
.
คนที่มองการณ์ไกล จึงเข้าไปจับจองที่ดินตั้งแต่ยังไม่มีราคา เอามาพัฒนา ทำให้คนเดินผ่านเยอะๆ หลังจากนั้นก็เอามาปล่อยเช่า หรือ ขายทำเงิน
.
ซึ่งมันก็ไม่ต่างกับที่ดินในออนไลน์ตอนนี้ ที่ราคามันยังไม่แพง ถ้าคุณอยากได้ ก็แค่เข้าไปจับจอง แล้วพัฒนามันให้เกิดมูลค่า
.
และ ถ้าคุณสังเกตดีๆ จะพบว่าตอนนี้การสร้างที่ดิน หรือ อสังหาฯ บนออนไลน์มันเริ่มยากขึ้น ยากขึ้น เรื่อยๆ มันก็เลยทำให้ราคาซื้อ-ขายของมันก็แพงขึ้นตามไปด้วย
.
ดังนั้น ถ้าคุณไม่มีเงินทุน ไม่ได้รวย แต่อยากมี Passive income จากโซเชียลริมทรัพย์ บอกเลยว่าเริ่มตอนนี้ยังทัน ขอให้รีบทำ ก่อนที่มันจะยาก และ ราคาแพงเหมือน อสังหาริมทรัพย์ ในโลกความเป็นจริง
.
# ทรัพย์สินประเภท ที่ 2 คือ ทรัพย์สินที่มาจาก “ฝีมือ” หรือ ที่เราเรียกว่า “ทรัพย์สินทางปัญญา”
.
จำเอาไว้ว่า เราทุกคนล้วนมีธุรกิจซ่อนอยู่ในตัว อย่างน้อยคนละ 1 ธุรกิจ โดยสิ่งเหล่านี้มักจะอยู่ในรูปแบบของ ความชอบ งานอดิเรก หรือ สิ่งที่เราถนัด
.
เพียงแค่คุณต้องเอามันออกมาปัดฝุ่น แล้วใช้ “หาเงิน” เท่านั้นเอง
.
วันก่อนผมไปเจอช่อง YouTube ช่องหนึ่ง เขาสอนเกี่ยวกับการพับกระดาษเป็นของเล่นต่างๆ เช่น จรวด รถแข่ง ดาวกระจาย เป็นต้น
.
ปรากฎว่า ช่องนี้มีคนติดตามมากกว่า 200,000 คน และ คลิปก็มีคนเข้ามาดูเรื่อยๆ ยิ่งเป็นช่องแบบนี้ คนส่วนใหญ่ไม่ได้ดูแค่ครั้งเดียวแน่ๆ แต่จะดูไปด้วย ฝึกพับกระดาษไปดู ซึ่งกว่าจะพับได้ดี และ สวยงาม ก็ต้องดูซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ
.
ซึ่งผลงานไหนก็ตาม ที่คุณทำแค่ครั้งเดียว แต่มันสามารถใช้ซ้ำได้ เหมือนคลิปใน YouTube ที่มีคนเข้ามาดูซ้ำๆ และ ทำเงินให้เจ้าของผลงานเรื่อยๆ โดยไม่ต้องใช้แรงและเวลาไปแลกอีก ก็ถือเป็น Passive income อย่างหนึ่งเช่นกัน
.
ใครจะไปคิดละครับ ว่าแค่การพับกระดาษ จะสามารถเอามาสร้างทรัพย์สิน แล้วให้มันทำเงินเป็น Passive income ให้เราได้
.
ดังนั้น ความรู้ที่คุณมี ทักษะที่คุณชำนาญ หรือ ทุกๆ ความเชี่ยวชาญ ของคุณ ไม่ว่าจะเป็น การประดิษฐ์, งาน DIY, สรุปหนังสือ, การพูด, การตลาด, งานศิลปะ, ทำเค้ก, ทำนา, ทำการเกษตร ฯลฯ สามารถเอามาทำเป็นคลิปลงใน YouTube เพื่อสร้าง Passive income ได้ทั้งหมด
.
นอกจากนี้ คุณยังสามารถเอาความรู้ ความเชี่ยวชาญ ที่คุณมี ไปทำเป็นสินค้าประเภทอื่นๆ อย่างหนังสือ และ คอร์สออนไลน์ ก็ได้
.
ซึ่งพวกหนังสือ และ คอร์สออนไลน์ ถ้าคุณทำการตลาดให้มันดีๆ บอกเลยว่า รายได้ของมันสามารถซื้อ Supercar หรือ บ้านในฝันให้คุณได้เลย
.
เพราะสินค้าประเภทนี้ มันไม่มีต้นทุน ต้นทุนของมันมีเพียง สมอง ความเชี่ยวชาญ ที่เกิดจากการฝึกฝนของคุณ แต่คุณสามารถขายมันให้กับคน 100 คน 1,000 คน 100,000 คน ได้โดยไม่มีต้นทุนเพิ่มขึ้นเลย
.
หรือ ถ้าเป็นพวกงานภาพถ่าย ภาพวาด งานกราฟิก ก็สามารถเอาไปขายบนแพลตฟอร์มต่างๆ อย่างเว็บไซต์ shutterstock ก็ได้เช่นกัน
.
เห็นไหมครับว่า ปัญญาของคุณ คือ ทรัพย์สิน ที่ใช้ “ต้นทุนน้อยที่สุด” แต่สร้าง “มูลค่าได้มากที่สุด” ขอแค่หมั่นพัฒนาขัดเกลามันทุกวัน เติมความคิดสร้างสรรค์ และ ความขยันเข้าไป เท่านั้นเอง
.
# นี่แสดงให้เห็นแล้วว่า คุณไม่จำเป็นต้องรวย ไม่จำเป็นต้องมีเงินถุงเงินถัง ก็สามารถสร้าง Passive income ได้
.
เพราะผมเอง ก็เป็นคนหนึ่ง ที่มี Passive income มหาศาลจากทรัพย์สิน 2 ประเภทนี้ โดยที่ไม่มีอสังหาริมทรัพย์เลยสักชิ้นเดียว
.
แล้วพอได้เงินตรงนี้ เริ่มมีเงินทุนมากพอ ผมก็เริ่มเอาไปทำธุรกิจเพิ่ม และ เริ่มดูพวกอสังหาริมทรัพย์ จริงๆ บ้างแล้ว ซึ่งตอนนี้ผมกำลังจะซื้อที่ดินอยู่หลายแปลงเลย
.
อย่างที่ผมย้ำเอาไว้เสมอครับว่า สมัยนี้ คุณไม่จำเป็นต้องมีทุนเยอะเสมอไป
.
ขอเพียงจำเอาไว้ว่า ถ้าเงินคุณน้อย คุณต้องใช้สมองให้มาก ใช้ความขยันให้เยอะ คุณก็สามารถสร้างเงินหลายล้านได้ เหมือนกัน
.
อย่างคำกล่าวของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่มา “จงพัฒนาตัวเองให้มาก เพราะตัวคุณ คือ ทรัพย์สิน ที่มีค่าที่สุด ของตัวคุณเอง”
.
.
# แล้วถ้าคุณอยากรู้ว่าของแบบนี้มันสร้างยังไง มี How-to อะไรบ้าง แบบละเอียดทุกขั้นตอน ผมแนะนำให้คุณแอดไลน์ @samounglai เอาไว้ครับ
.
เพราะความรู้แบบนี้มันคอนข้างลึก และ มีรายละเอียด มันไม่สามารถสอนกันในบทความได้ ซึ่งปกติผมจะสอนวิธีการแบบนี้บ่อยๆ ทาง Live ทุกสัปดาห์
.
แต่ประเด็น คือ ทุกครั้งที่ Live จบ ผมจะลบเลยครับ
.
เพราะความรู้แบบนี้ คือ ความรู้ที่ผมใช้เวลา และ ความเหนื่อยยาก กว่าจะได้มันมา ผมจึงมักจะเก็บมันไว้ให้กับคนที่เอาจริงเท่านั้น
.
ถ้าคุณคิดจะเอาจริง แอดไลน์ @samounglai (ใส่ @ ด้วย) เอาไว้ครับ
.
แล้วทุกครั้งที่มี Live ผมจะส่งแจ้งเตือนไปถึงมือถือของคุณทันที คุณจะได้ไม่พลาดความรู้ดีๆ ที่จะช่วยเพิ่มเงินในกระเป๋าให้กับคุณครับ
.
.
เขียนโดย #สมองไหล